ตับอักเสบบีอยู่แล้ว เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าแม่เป็นไวรัสตับอักเสบบีแล้วลูกจะติดไหม ทำให้กลัวที่จะตั้งครรภ์ เนื่องจากคงไม่มีแม่คนไหนอยากเป็นพาหะส่งต่อไวรัสให้กับลูกน้อย ด้วยเหตุนี้ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหานี้อย่างรอบด้านจึงมีความสำคัญ
การติดต่อของไวรัสตับอักเสบบีจากแม่ถึงลูก
โรคไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคติดต่อผ่านทางเลือด สารคัดหลั่ง เช่น น้ำเหลือง และน้ำลาย รวมถึงการติดต่อจากแม่สู่ลูกในระหว่างการตั้งครรภ์หรือการคลอดบุตรได้โดยตรง ดังนั้น คำถามที่ว่าในกรณีที่แม่หรือพ่อเป็นไวรัสตับอักเสบบีแล้วลูกจะติดไหม คำตอบคือมีโอกาสเสี่ยง โดยเฉพาะในกรณีที่แม่มีค่า HBeAg เป็นบวก ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่ามีปริมาณไวรัสในเลือดสูง โอกาสในการแพร่เชื้อสู่ทารกก็จะยิ่งมากขึ้น และเมื่อไวรัสตับอักเสบบีแพร่เข้าสู่ร่างกายของทารก ทารกมีโอกาสเป็นพาหะของโรคนี้สูงถึง 95% ซึ่งอาจพัฒนาเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง หรือแม้กระทั่งมะเร็งตับในอนาคต
วิธีป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในทารก
แม้ว่าการติดต่อจากแม่สู่ลูกจะมีความเสี่ยงสูง แต่โชคดีที่ปัจจุบันเรามีวิธีการป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในทารกอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนให้ทารกในวันแรกหลังคลอด ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการลดความเสี่ยง
1. การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีให้ทารกในวันแรกหลังคลอด
กระทรวงสาธารณสุขได้มีนโยบายให้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีแก่ทารกทุกคนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา ซึ่งช่วยป้องกันการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฉีดวัคซีนนี้ต้องทำภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทารกที่แม่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี
2. การฉีดอิมมูโนโกลบูลิน (HBIG)
หากแม่มีค่า HBeAg เป็นบวก นอกจากทารกจะได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ยังจะต้องได้รับอิมมูโนโกลบูลิน (Hepatitis B Immune Globulin: HBIG) เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันและลดโอกาสการติดเชื้อได้อีกระดับ
3. การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีให้ครบตามกำหนด
วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีสำหรับทารกประกอบด้วยการฉีด 3 เข็ม โดยเริ่มในวันแรกหลังคลอด จากนั้นจะต้องฉีดเพิ่มเติมตามกำหนดเวลา การได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วนจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การตรวจเลือด HBeAg และความสำคัญของการเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์
สำหรับผู้หญิงที่เป็นพาหะของโรคไวรัสตับอักเสบบี ควรได้รับการตรวจเลือดเพื่อประเมินค่า HBeAg ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่ามีปริมาณไวรัสมากน้อยเพียงใดในร่างกาย หากผล HBeAg เป็นบวก หมายความว่าคุณแม่มีปริมาณไวรัสสูง การเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์จะต้องมีการวางแผนร่วมกับแพทย์เพื่อให้ทารกได้รับการป้องกันที่เหมาะสม
อีกทั้งการตรวจสุขภาพและวางแผนการตั้งครรภ์กับแพทย์ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณแม่สามารถดูแลสุขภาพของตนเองและทารกได้อย่างถูกต้อง ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ไปจนถึงช่วงใกล้คลอด
ผลกระทบของไวรัสตับอักเสบบีในทารก
ในกรณีที่ทารกติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ทารกอาจไม่มีอาการเจ็บป่วยที่ชัดเจนในช่วงแรก แต่เมื่อโตขึ้นอาจมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง โรคตับแข็ง หรือมะเร็งตับได้ ดังนั้น การป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในทารกจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากทารกที่ติดเชื้อในช่วงแรกเกิด มักมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคเหล่านี้เมื่อโตขึ้นสูงถึง 25% ดังนั้น การป้องกันตั้งแต่ก่อนและหลังคลอดจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในทารก
Q1: ถ้าพ่อเป็นไวรัสตับอักเสบบีแล้วลูกจะติดไหม ?
กรณีที่พ่อเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบีเพียงฝ่ายเดียว โอกาสที่ลูกจะได้รับเชื้อจะต่ำกว่าการที่แม่เป็นพาหะ อย่างไรก็ตาม อัตราความเสี่ยงก็ยังค่อนข้างสูง ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีให้ทารกในวันแรกหลังคลอด และทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
Q2: หากแม่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบบีลูกจะติดเชื้อทุกคนหรือไม่ ?
ไม่ใช่ทารกทุกคนจะติดเชื้อ หากได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีและอิมมูโนโกลบูลินในวันแรกหลังคลอด โอกาสที่ทารกจะติดเชื้อก็จะลดลงอย่างมาก
Q3: วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีในทารกปลอดภัยหรือไม่ ?
วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีเป็นวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อ ทารกควรได้รับการฉีดในวันแรกหลังคลอดและติดตามการฉีดวัคซีนตามกำหนด
Q4: คนท้องเป็นไวรัสตับอักเสบบีอันตรายไหม ?
ผู้หญิงที่เป็นไวรัสตับอักเสบบีสามารถตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วโรคนี้ไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อชีวิตในช่วงตั้งครรภ์
Q5: ถ้าเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบีแล้วรักษาหายไหม ?
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาที่สามารถกำจัดไวรัสนี้ออกจากร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ แต่ผู้ที่เป็นพาหะสามารถใช้ชีวิตปกติได้โดยไม่เกิดอาการใด ๆ หากมีการดูแลสุขภาพที่ดีและติดตามการรักษากับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร พร้อมดูแลเพื่อสร้างสุขภาพที่ดีแก่ทารก
หากคุณหรือคู่สมรสเป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบบี และกังวลเกี่ยวกับโอกาสในการมีบุตรที่ปลอดภัย VCF ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย เราให้บริการตรวจวินิจฉัยและป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในทารก ด้วยมาตรการที่ได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อให้คุณแม่และทารกมีสุขภาพแข็งแรง มั่นใจได้ในทุกขั้นตอนของการตั้งครรภ์ มาร่วมสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบไปกับเรา !
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline : 082-903-2035
Line : @vfccenter bit.ly/3HVkyCO
อ่านบทความสุขภาพ : v-ivf.com/article/
บทความโดย แพทย์ศรมน ทรงวีรธรรม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.