การมีบุตรเป็นความฝันของหลายคู่สมรส แต่บางครั้งก็อาจเกิดปัญหาที่ทำให้การมีบุตรเป็นเรื่องยาก โดยหนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยคือ ความผิดปกติของท่อนำไข่ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ด้วยวิธีการฉีดสีตรวจท่อนำไข่ หรือที่เรียกว่า HSG (Hysterosalpingography) สำหรับคู่รักที่ต้องการเสริมความมั่นใจให้กับการมีบุตร ลองไปทำความรู้จักกับวิธีการนี้กันให้มากขึ้น พร้อมกับไปรู้ถึงแพ็กเกจตรวจท่อนำไข่ ราคาไม่แพง ที่คุณจะได้รับทั้งคำปรึกษาและการตรวจจากแพทย์ชำนาญการเฉพาะทาง
ฉีดสีท่อนำไข่คืออะไร ?
การฉีดสีตรวจท่อนำไข่ หรือ HSG เป็นหนึ่งวิธีการตรวจวินิจฉัยที่ช่วยในการหาสาเหตุของการมีบุตรยาก โดยแพทย์จะทำการฉีดสารทึบแสงเข้าไปในโพรงมดลูกและท่อนำไข่ทั้งสองข้าง จากนั้นจะทำการถ่ายภาพเอกซเรย์เพื่อดูการไหลของสารทึบแสงผ่านท่อนำไข่
ประโยชน์ของการฉีดสีท่อนำไข่
การฉีดสีตรวจท่อนำไข่จะช่วยทำให้ทราบความผิดปกติของมดลูกหรือท่อนำไข่ และสามารถนำมาวางแผนการรักษาภาวะมีบุตรยากได้อย่างตรงจุด
- ตรวจหาการอุดตันของท่อนำไข่
- ดูรูปร่างและความผิดปกติของโพรงมดลูก
- ตรวจหาติ่งเนื้อหรือพังผืดภายในมดลูก
ใครควรรับการตรวจฉีดสีท่อนำไข่ ?
หากคุณพบว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการฉีดสีตรวจท่อนำไข่
- คนที่เคยผ่าตัดทางช่องท้องมาก่อน
- คนที่มีบุตรยาก หรือไม่มีบุตร
- คนที่เคยมีบุตรแล้ว แต่ไม่มีอีกโดยไม่คุมกำเนิด
- คนที่มีอาการปวดประจำเดือนรุนแรงหรือปวดท้องน้อยเรื้อรัง
- คนที่เคยมีประวัติติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน เช่น มดลูกอักเสบหรือปีกมดลูกอักเสบ
- คนที่เคยมีปัญหาการแท้งบุตร
- คนที่กำลังรักษาภาวะมีบุตรยาก
ขั้นตอนการฉีดสีท่อนำไข่
การเตรียมตัวก่อนตรวจ
- งดการมีเพศสัมพันธ์หลังมีประจำเดือนครั้งสุดท้ายจนถึงวันที่ตรวจ
- ควรทำการตรวจในช่วง 7-10 วันหลังจากวันแรกของประจำเดือน
- กินยาแก้ปวดกลุ่ม NSAID เช่น ibuprofen (Brufen) 400-600 มิลลิกรัม ล่วงหน้าก่อนการตรวจ 1 ชั่วโมง เนื่องจากอาจมีอาการปวดหน่วง ๆ จากแรงดันภายในมดลูก
- แจ้งแพทย์หากมีประวัติแพ้ยาหรือสารทึบแสง
ขั้นตอนการตรวจ
- แพทย์จะสอดท่อเล็ก ๆ ผ่านช่องคลอดเข้าสู่ปากมดลูก
- ฉีดสารทึบแสงผ่านท่อเข้าสู่โพรงมดลูกและท่อนำไข่
- ถ่ายภาพเอกซเรย์เพื่อดูการไหลของสารทึบแสง
หลังการตรวจ
- อาจมีอาการปวดท้องเล็กน้อยหรือมีเลือดออกเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
- ควรพักผ่อนและหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ทำการตรวจ
การฉีดสีตรวจท่อนำไข่เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการมีบุตรยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่สงสัยว่ามีความผิดปกติของท่อนำไข่ ดังนั้น การเลือกโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญและราคาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณกำลังวางแผนมีบุตรและพบว่าตนเองมีความเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมต่อไป
ฉีดสีท่อนำไข่ โรงพยาบาลไหนดี ?
สำหรับผู้ที่สนใจ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปตรวจฉีดสีท่อนำไข่ที่ไหนดี ? ขอแนะนำ V Fertility Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร เรามีแพ็กเกจฉีดสีตรวจท่อนำไข่ราคาไม่แพง ที่สามารถช่วยวางแผนการมีบุตรให้มีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงถึง 81.66% ทั้งยังได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยระดับสากล JCI และเป็นที่แรกได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานการให้บริการทางการแพทย์เฉพาะรายโรคระดับสากล World’s First CCPC for Infertility Program
รายละเอียดแพ็กเกจ
- เตรียมความพร้อมคุณผู้หญิง ซักประวัติเบื้องต้น /โรคประจำตัว / แพ้ยา / อาหารทะเล
- ค่าปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
- ค่าแพทย์เฉพาะทางรังสีวิทยา
- เตรียมฉีดสีดูท่อนำไข่ ทานยาแก้ปวด ก่อนฉีดสีครึ่งชั่วโมง
- ฉีดสีดูท่อนำไข่ที่แผนก X-RAY โดยแพทย์เฉพาะทาง
- รอผลตรวจ 30- 45 นาที
รายการไม่รวมในแพ็กเกจ
- ไม่รวมภาวะแทรกซ้อน
- ไม่รวมกรณีที่จำเป็นต้องเครื่องมือพิเศษ
- ไม่รวมยากลับบ้าน
การดูแลสุขภาพระบบสืบพันธุ์เป็นสิ่งสำคัญ ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้การบุตรประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยรวมด้วย ดังนั้น หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดสีตรวจท่อนำไข่หรือการรักษาภาวะมีบุตรยาก สามารถติดต่อ V Fertility Center ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร ได้ที่ โทร +66(0)2734-0000 ต่อ 4605
บทความที่เกี่ยวข้อง
- เตรียมสุขภาพยังไง ก่อนเข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยาก
- ท่อนำไข่ตีบตัน สาเหตุสำคัญที่คุณแม่ไม่ตั้งครรภ์สักที
- ซีสต์ที่รังไข่ ปัญหาใหญ่ของคนอยากมีลูก
- ภาวะไข่ไม่ตก ปัญหาใหญ่ อยากเป็นคุณแม่มือใหม่ ต้องรู้
จองแพ็กเกจ คลิ๊ก
ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชวิทยาและเวชศาตร์การเจริญพันธ์ุ
No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.