สำหรับคู่สามีภรรยาที่ประสบปัญหามีลูกยาก การทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธี IVF หรือ ICSI ถือเป็นทางออกที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้ แต่นอกจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรให้ความสำคัญก็คือ การเตรียมสุขภาพร่างกายของตัวเองให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์นั่นเอง
ในบทความนี้ เราจึงมีเคล็ดลับการบำรุงผนังมดลูกให้พร้อมก่อนใส่ตัวอ่อนมาแนะนำ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการทำ IVF และ ICSI ให้สามารถตั้งครรภ์และคลอดเจ้าตัวน้อยออกมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนว่าที่คุณแม่ควรรู้อะไรเกี่ยวกับการเตรียมผนังมดลูกบ้าง ลองไปดูกันได้เลย
ความสำคัญของผนังมดลูก
ผนังมดลูก หรือเยื่อบุโพรงมดลูก คือเยื่อบุผิวของผนังด้านในโพรงมดลูก มีหน้าที่รองรับการฝังตัวของตัวอ่อนและทำให้เกิดการตั้งครรภ์ โดยในแต่ละช่วงของรอบเดือน ผนังมดลูกจะมีความหนาแตกต่างกันไป ซึ่งผนังมดลูกที่เหมาะกับการฝังตัวอ่อน ควรมีความหนา 8-12 มิลลิเมตร เรียงตัวเป็น 3 ชั้น มีผิวเรียบ สะอาด ไม่มีเลือดประจำเดือนคั่งอยู่ เลือดไหลเวียนอย่างเพียงพอ ซึ่งฮอร์โมนที่ส่งผลต่อความหนาและสุขภาพของผนังมดลูก ทำให้ผนังมดลูกพร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อนมากที่สุด ได้แก่ ฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน
ส่วนการใส่ตัวอ่อนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำ ICSI หรือ IVF สามารถทำได้ 2 วิธีด้วยกัน ได้แก่ การใส่ตัวอ่อนตามรอบธรรมชาติ และการใส่ตัวอ่อนโดยใช้ยาฮอร์โมน โดยแต่ละวิธีมีรายละเอียด ดังนี้
- การใส่ตัวอ่อนตามรอบธรรมชาติ โดยนับจากวันไข่ตก ซึ่งก่อนที่จะมีไข่ตก ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้น เตรียมพร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน หลังจากนั้น เมื่อไข่ตก รังไข่จะสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอร์โรนขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนผนังมดลูกให้เหมาะสำหรับการฝังตัวและการตั้งครรภ์
- การใส่ตัวอ่อนโดยใช้ยาฮอร์โมน เป็นการใช้ยาฮอร์โมนเอสโตรเจนแบบต่าง ๆ กระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้น จนเหมาะสมกับการฝังตัวของตัวอ่อน คือ 8-12 มิลลิเมตร จากนั้นจะเริ่มให้ยาโปรเจสเตอร์โรน แล้วจึงใส่ตัวอ่อนเพื่อให้เกิดกระบวนการตั้งครรภ์ต่อไป
เคล็ดลับการเตรียมผนังมดลูกให้สมบูรณ์ก่อนใส่ตัวอ่อน
คนส่วนใหญ่มักมีคำถามคล้าย ๆ กันว่าก่อนจะใส่ตัวอ่อนด้วยวิธี IVF หรือ ICSI นั้น การเตรียมผนังมดลูกใช้เวลากี่วัน คำตอบก็คือ หากอยากให้ผนังมดลูกแข็งแรง เพื่อให้การตั้งครรภ์ดำเนินไปอย่างราบรื่น ควรบำรุงอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งคลอด โดยว่าที่คุณแม่สามารถเตรียมผนังมดลูกให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีเหล่านี้
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
ฝ่ายหญิงควรรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อและตรงเวลาทุกวัน โดยเลือกรับประทานให้หลากหลาย ครอบคลุมครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและระบบเจริญพันธุ์สมบูรณ์
คุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป จะส่งผลต่อฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งกระทบต่อการตั้งครรภ์ จึงควรคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน รวมถึงช่วยป้องกันภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ด้วย
พักผ่อนให้เพียงพอ พยายามไม่เครียดมากเกินไป
ความเครียดคือศัตรูตัวร้ายของการตั้งครรภ์ อย่ากังวลและกดดันตัวเองมากจนเกินไป นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง ช่วยให้ระบบสืบพันธุ์ทำงานได้อย่างเป็นปกติ
หลีกเลี่ยงการรับสารเคมีจากช่องทางต่าง ๆ
สารเคมีบางชนิดอาจส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนและก่อให้เกิดภาวะแท้งได้ เพื่อความปลอดภัย หากกำลังวางแผนตั้งครรภ์และใส่ตัวอ่อน ควรหลีกเลี่ยงการรับสารเคมีจากทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นอาหารแปรรูป เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ Phthalate หรือผักผลไม้ที่ปลูกโดยใช้ยาฆ่าแมลง
รับประทานวิตามินเสริมตามคำแนะนำของแพทย์
บ่อยครั้งอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ก็อาจให้สารอาหารที่ร่างกายต้องการได้ไม่เพียงพอ การรับประทานวิตามินเสริมจึงเป็นเรื่องจำเป็น แต่ควรรับประทานเฉพาะวิตามินที่แพทย์แนะนำและปฏิบัติตามคำแนะนำอื่น ๆ ของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะเป็นการดีที่สุด
สารอาหารที่มีส่วนช่วยบำรุงผนังมดลูกให้แข็งแรง
อย่างที่กล่าวไปว่าในการเตรียมผนังมดลูกให้พร้อมใส่ตัวอ่อนนั้น การรับประทานอาหารถือเป็นปัจจัยหลักที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งนอกจากจะต้องรับประทานให้ครบทั้ง 5 หมู่แล้ว ยังมีสารอาหารที่มีส่วนช่วยบำรุงผนังมดลูกให้แข็งแรงก่อนใส่ตัวอ่อนมากเป็นพิเศษด้วย ได้แก่สารอาหารเหล่านี้
วิตามินบี 6
ช่วยในการทำงานของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน พบมากในปลาแซลมอน ปลาทูน่า ไข่ ข้าวไม่ขัดสี ผักโขม และเมล็ดทานตะวัน
แมกนีเซียม
ช่วยบำรุงระบบเจริญพันธุ์และกระตุ้นการดูดซึมแคลเซียม พบมากในอัลมอนด์ ถั่วเหลือง ถั่วลิสง อะโวคาโด หอยนางรม ข้าวโพด และปวยเล้ง
สังกะสี
ดีต่อการทำงานของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน พบมากในเนื้อไก่ ไข่แดง งา เห็ด ตับ เนื้อหมูไม่ติดมัน และอาหารทะเล
วิตามินซี
ช่วยบำรุงเลือดและทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงมดลูกได้ดีขึ้น พบมากในมะขามป้อม ส้ม ฝรั่ง ผักคะน้า พริกหวาน สตรอว์เบอร์รี และลิ้นจี่
วิตามินอี
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง มีสรรพคุณป้องกันเม็ดเลือดแตกตัวและเม็ดเลือดอุดตัน พบมากในน้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะพร้าว กีวี ผักโขม และเนยถั่ว
โอเมก้า 3
เป็นไขมันดีที่มีส่วนช่วยบำรุงร่างกาย สมอง เพิ่มความสมดุลให้ฮอร์โมนเพศ และช่วยลดความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนด พบมากในปลาแซลมอน ปลาทู เมล็ดแฟลกซ์ และถั่วชนิดต่าง ๆ
>> อ่านเพิ่มเติม อยากมีลูกง่าย ต้องกินอะไรให้ท้องเร็ว?
หากกำลังเผชิญกับภาวะมีบุตรยาก และอยากประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ การทำ ICSI และ IVF คือคำตอบ รวมถึงเตรียมบำรุงร่างกายและผนังมดลูกให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์อย่างถูกวิธีตั้งแต่วันแรก และขอคำปรึกษากับสูตินรีแพทย์เฉพาะทางได้ที่ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร เพราะเราคือผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาการมีบุตรยาก ให้บริการด้วยห้องปฏิบัติการและเครื่องมือที่ทันสมัย พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณในทุกขั้นตอน
บทความโดย แพทย์หญิงวนากานต์ สิงหเสนา
ติดต่อสอบถามหรือนัดหมายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่
VFC ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร
Hotline: 082-903-2035
LINE Official: @vfccenter
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ-นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
No Comments
Sorry, the comment form is closed at this time.