เปิดทุกวัน 8:00 น. - 17.00 น

เวลาทำการ

Follow Us

ขั้นตอนการทำ ICSI วิธีที่ช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์

การทำ ICSI ช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์

ในปัจจุบัน มีวิธีที่ใช้ในการรักษาภาวะมีบุตรยากอยู่หลายวิธีด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมคือการทำอิ๊กซี่ (ICSI) โดยวิธีนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) โดยแพทย์จะพิจารณาให้คู่สมรสเข้ารับการทำ ICSI ในกรณีที่การทำ IVF ไม่ได้ผล เนื่องมาจากฝ่ายชายมีปัญหาด้านปริมาณอสุจิน้อย อสุจิไม่แข็งแรง หรือมีปัญหาในการหลั่งอสุจิ

มารู้จักกันว่า การทำอิ๊กซี่ ICSI คืออะไร เหมาะกับใคร รวมถึงมีขั้นตอนอย่างไร และอัตราการประสบความสำเร็จจะมีมากน้อยแค่ไหนกันในบทความนี้

 

การทำอิ๊กซี่ (ICSI) คืออะไร ?

การทำอิ๊กซี่ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) คือ เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์เพื่อการรักษาภาวะมีบุตรยาก ที่เป็นการคัดเลือกตัวอสุจิ (Sperm) ที่แข็งแรงที่สุด 1 ตัว นำมาผสมกับไข่ (Ovum) 1 ใบอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อให้เกิดเป็นตัวอ่อน (Blastocyst) โดยการใช้เข็มขนาดเล็กฉีดเข้าไปที่ไข่โดยตรง หลังจากที่ได้ตัวอ่อนแล้ว แพทย์จะนำตัวอ่อนที่ได้ไปเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ จากนั้นจึงทำการย้ายตัวอ่อนเข้าไปที่โพรงมดลูก เพื่อให้เกิดการฝังตัว และเติบโตเป็นทารกที่สมบูรณ์ต่อไป

 

ขั้นตอนการทำ ICSI

1. การตรวจร่างกาย

ขั้นตอนแรกของการทำอิ๊กซี่ แพทย์จะเริ่มจากการตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกาย โดยแพทย์จะทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจวัดระดับฮอร์โมน และทำการตรวจอัลตราซาวนด์เพื่อดูจำนวนฟองไข่ในเพศหญิง จากนั้นแพทย์จะนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อคำนวณปริมาณฮอร์โมนที่ต้องใช้ในการฉีดกระตุ้นรังไข่

2. การกระตุ้นไข่

เมื่อตรวจร่างกายแล้วพบว่าคู่สมรสพร้อมสำหรับการทำอิ๊กซี่ แพทย์จะเริ่มทำการกระตุ้นไข่ของฝ่ายหญิง ด้วยวิธีการฉีดยาฮอร์โมน เพื่อให้ไข่สุกพร้อมกันหลาย ๆ ใบ และช่วยให้ไข่พร้อมสำหรับการปฏิสนธิ

3. การติดตามการเจริญเติบโตของไข่

หลังจากฉีดยาฮอร์โมนกระตุ้นไข่ แพทย์จะทำการตรวจอัลตราซาวนด์ เพื่อนับจำนวนไข่ที่ได้ และติดตามการเจริญเติบโตของถุงไข่ หากแน่ใจแล้วว่าถุงไข่มีความสมบูรณ์ พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ แพทย์จะฉีดยาฮอร์โมนอีกครั้ง เพื่อกระตุ้นให้ไข่โตเต็มที่

4. การเก็บไข่

เมื่อไข่โตเต็มที่ แพทย์จะเริ่มทำการเก็บไข่ภายใน 34-36 ชั่วโมง ด้วยการใช้ยาชาช่วยระงับความรู้สึก และลำเลียงเข็มบาง ๆ เข้าไปเจาะเก็บไข่ผ่านทางช่องคลอด โดยใช้เครื่องอัลตราซาวนด์ช่วยในการบอกตำแหน่ง ซึ่งในขั้นตอนนี้ ฝ่ายหญิงไม่จำเป็นต้องนอนพักเพื่อเตรียมตัวในโรงพยาบาล มีเพียงการงดน้ำและงดอาหารก่อนเก็บไข่อย่างน้อย 6 ชั่วโมงเท่านั้น หลังการเก็บไข่เสร็จสิ้น สามารถกลับบ้านได้ทันที และแพทย์จะนำไข่ที่ได้ไปเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการ เพื่อรอการผสมกับอสุจิของฝ่ายชายในขั้นตอนถัดไป

5. การเก็บอสุจิ

โดยปกติแล้ว การเก็บอสุจิของฝ่ายชาย สามารถทำได้ในวันเดียวกันกับฝ่ายหญิง โดยฝ่ายชายจะต้องงดการหลั่งน้ำอสุจิเป็นเวลา 2-3 วัน เมื่อถึงวันนัดหมาย แพทย์จะให้ฝ่ายชายทำการหลั่งน้ำอสุจิด้วยตัวเองลงในภาชนะปลอดเชื้อ จากนั้นอสุจิจะถูกส่งไปยังห้องปฏิบัติการภายใน 60 นาที เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จะทำการคัดเลือกอสุจิตัวที่สมบูรณ์ที่สุด จากนั้นจะนำไปเติมสารอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงให้อสุจิแข็งแรงยิ่งขึ้น

สำหรับฝ่ายชายที่ไม่สามารถหลั่งอสุจิเองได้ตามธรรมชาติ แพทย์จะพิจารณาให้ทำการเก็บอสุจิด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น วิธี PESA-TESE

6. การผสม

เมื่อไข่และอสุจิพร้อมสำหรับการผสม แพทย์จะทำการคัดเลือกไข่ใบที่สมบูรณ์ 1 ใบ และฉีดอสุจิ 1 ตัวที่เตรียมไว้เข้าไปในไข่ เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ

7. การเลี้ยงตัวอ่อน

เมื่อเกิดการปฏิสนธิ นักวิทยาศาสตร์จะทำการเลี้ยงตัวอ่อนที่ได้เป็นระยะเวลา 3-5 วัน ในห้องปฏิบัติการ โดยในระหว่างที่เลี้ยง แพทย์จะทำการตรวจสอบพัฒนาการของตัวอ่อนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าตัวอ่อนสามารถเติบโตได้อย่างสมบูรณ์

8. การย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก

การย้ายตัวอ่อนที่สมบูรณ์กลับเข้าสู่โพรงมดลูก สามารถทำได้ด้วย 2 วิธีดังนี้

  • การย้ายตัวอ่อนรอบสด (Fresh Embryo Transfer)
    เป็นการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูกในรอบเดียวกับที่ทำการกระตุ้นไข่และเก็บไข่
  • การย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็ง (Frozen Embryo Transfer)
    เป็นการแช่แข็งตัวอ่อนเก็บไว้ เพื่อทำการย้ายเข้าสู่โพรงมดลูกในรอบเดือนอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการกระตุ้นไข่

ซึ่งทั้ง 2 วิธี ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โดยประเมินจากความพร้อมทางร่างกายของฝ่ายหญิงเป็นหลัก

หลังจากที่ทำการย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูกเสร็จสิ้น ภายใน 10 วัน แพทย์จะนัดหมายให้ฝ่ายหญิงเข้ามาตรวจการตั้งครรภ์อีกครั้ง ด้วยการตรวจเลือดวัดระดับฮอร์โมน หากพบว่าการตั้งครรภ์เป็นไปได้อย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ ก็จะเข้าสู่ช่วงเวลาของการฝากครรภ์ และการตรวจติดตามพัฒนาการของทารกในครรภ์ เช่นเดียวกับการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ

 

การทำอิ๊กซี่เหมาะกับใคร ?

การทำอิ๊กซี่ ICSI เหมาะกับคู่สมรสที่มีเงื่อนไขดังนี้

  • ฝ่ายหญิงมีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป
  • ฝ่ายหญิงมีความผิดปกติที่ส่งผลให้มีบุตรยาก เช่น ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
  • ฝ่ายชายมีปัญหาอสุจิน้อย อสุจิไม่สมบูรณ์ หรืออสุจิไม่แข็งแรง เคลื่อนไหวได้ไม่ดี
  • ฝ่ายชายเคยทำหมันแล้ว แต่ต้องการมีลูก
  • คู่สมรสที่เคยทำการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์อื่น ๆ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

 

ข้อดีของการทำอิ๊กซี่

  • การทำอิ๊กซี่ มีโอกาสปฏิสนธิมากกว่า เมื่อเทียบกับการทำ IVF เนื่องจากการทำ IVF จะเป็นการปล่อยให้อสุจิเข้าไปผสมกับไข่ด้วยตัวเอง แต่การทำอิ๊กซี่เป็นการที่แพทย์ใช้เข็มฉีดอสุจิเข้าไปผสมกับไข่โดยตรง
  • ช่วยลดความเสี่ยงทารกในครรภ์เกิดความผิดปกติ เพราะในระหว่างการเพาะเลี้ยง แพทย์สามารถตรวจโครโมโซมของตัวอ่อนได้
  • สามารถแช่แข็งตัวอ่อนและไข่เก็บไว้ได้นานถึง 10 ปี
  • คู่สมรสที่ผ่านการทำหมันแล้ว แต่ต้องการมีลูก สามารถเข้ารับการทำอิ๊กซี่ได้

 

ข้อควรรู้ก่อนการทำอิ๊กซี่

  • มีโอกาสที่จะปฏิสนธิไม่สำเร็จ เช่นเดียวกับการเจริญพันธุ์ด้วยวิธีอื่น ๆ
  • มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป หรือ การบาดเจ็บจากการเก็บไข่
  • มีโอกาสตั้งครรภ์แฝด
  • มีโอกาสที่ทารกในครรภ์จะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ
  • มีโอกาสแท้งสูงกว่าการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติเล็กน้อย

 

การทำอิ๊กซี่มีโอกาสประสบความสำเร็จแค่ไหน ?

การทำอิ๊กซี่ เป็นวิธีรักษาภาวะมีบุตรยากที่ช่วยให้คู่สมรสมีโอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงถึง 60-70% ซึ่งนับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ แต่ทั้งนี้ ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุของฝ่ายหญิง และความพร้อมของร่างกายฝ่ายหญิง ยิ่งฝ่ายหญิงมีอายุมากขึ้น โอกาสที่จะตั้งครรภ์สำเร็จก็จะน้อยลงตามไปด้วย

 

ทำ ICSI ที่ไหนดี ?

นอกจากปัจจัยต่าง ๆ แล้ว การเลือกโรงพยาบาลหรือคลินิกสำหรับการทำอิ๊กซี่ ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้มากขึ้น หากคู่สมรสใดที่สนใจการทำอิ๊กซี่ สามารถปรึกษาได้ที่ VFC Center ศูนย์เฉพาะทางด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลเกี่ยวกับการรักษาผู้มีบุตรยากแห่งแรกของโลก (CCPC ) ภายใต้มาตรฐาน JCI โดยบริการของเราครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษาและรักษาโดยสูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ และทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงตัวอ่อน เราพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลรักษาภาวะมีบุตรยาก เพื่อให้คุณสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ได้อย่างที่ต้องการ

 

คำถามที่พบบ่อย

การทำอิ๊กซี่ (ICSI) ต่างจากการทำ IVF อย่างไร ?

ความแตกต่างระหว่างการทำอิ๊กซี่และการทำ IVF อยู่ที่ขั้นตอนการปฏิสนธิ
การทำ IVF ไข่และอสุจิจะถูกนำไปเตรียมในจานเพาะเลี้ยง เพื่อให้อสุจิว่ายไปผสมกับไข่ตามธรรมชาติ เหมาะในกรณีที่ฝ่ายชายมีอสุจิที่แข็งแรง และสามารถเจาะเปลือกไข่เข้าไปเองได้
การทำ ICSI แพทย์จะทำการฉีดอสุจิเข้าไปในไข่โดยตรง เหมาะกับกรณีที่ฝ่ายชายมีอสุจิไม่แข็งแรง หรืออสุจิมีปัญหาในการเคลื่อนที่

การทำอิ๊กซี่ใช้เวลานานไหม ?

การทำอิ๊กซี่ใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ นับตั้งแต่การตรวจร่างกาย กระตุ้นไข่ เก็บไข่ เก็บอสุจิ ไปจนถึงการผสม และการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก

การทำอิ๊กซี่เจ็บไหม ?

ขั้นตอนการตรวจภายในและการตรวจอัลตราซาวนด์ทางช่องคลอด คนไข้อาจรู้สึกแน่นในช่องคลอดขณะใส่เครื่องมือ แต่จะไม่เจ็บ และใช้เวลาไม่นาน (ไม่เกิน 5 นาที)
ขั้นตอนการเก็บไข่ทางช่องคลอด เป็นหัตถการที่ทำภายใต้การดมยาสลบ ซึ่งในระหว่างที่แพทย์ทำการเก็บไข่ คนไข้จะหลับสนิท จึงไม่รู้สึกเจ็บ แต่หลังการเก็บไข่ คนไข้อาจรู้สึกหน่วงท้อง คล้ายกับการปวดประจำเดือน แต่อาการดังกล่าวจะหายไปเองได้ภายใน 1-2 วัน
ขั้นตอนการฉีดยากระตุ้นไข่ คนไข้จะต้องฉีดยาเข้าที่ผนังหน้าท้องอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 8-12 วัน ด้วยเข็มฉีดยาขนาดเล็ก จึงอาจมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยในขณะที่ฉีด

ระหว่างการทำอิ๊กซี่ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่ ?

ระหว่างกระบวนการทำอิ๊กซี่ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ต้องคุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัยอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการตั้งครรภ์แฝด

การทำ ICSI ราคาเท่าไหร่ ?

การทำ ICSI ที่ VFC Center ราคาเริ่มต้นที่ 199,000 บาท เงื่อนไขเป็นไปตามที่โรงพยาบาลกำหนด รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ Line : @vfccenter หรือ Facebook Page : https://www.facebook.com/vfcthailand/